การบริหารสัญญาก่อสร้าง เรื่อง ประเภทของสัญญา
การบริหารสัญญาก่อสร้าง เป็นกระบวนการที่สำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการและควบคุมสัญญาที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้าง ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการปิดโครงการ การบริหารนี้รวมถึงการเจรจาข้อตกลง การจัดการด้านการเงิน การตรวจสอบความก้าวหน้าของงาน และการแก้ไขข้อขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น ผู้บริหารสัญญาก่อสร้างจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทักษะในการสื่อสารและการเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการจะดำเนินไปตามแผนที่กำหนดและอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้ การบริหารที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จของโครงการ
สัญญาจ้างก่อสร้างมีหลายประเภทที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของโครงการและความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของโครงการและผู้รับเหมา ซึ่งสัญญาที่พบได้บ่อยมีดังนี้:
- สัญญาจ้างแบบเหมารวม (Lump Sum Contract): เป็นสัญญาที่ผู้รับเหมารับผิดชอบงานทั้งหมดตามที่ระบุในสัญญา โดยเจ้าของโครงการจะจ่ายเงินตามจำนวนที่ตกลงไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงค่าใช้จ่ายหรือปริมาณงานจริงที่เกิดขึ้น
- สัญญาจ้างตามปริมาณงาน (Unit Price Contract): การจ่ายเงินจะขึ้นอยู่กับปริมาณงานที่ทำได้จริง คิดเป็นหน่วย เช่น ต่อตารางเมตรหรือต่อตัน ซึ่งเหมาะสำหรับโครงการที่ปริมาณงานบางส่วนไม่แน่นอน
- สัญญาจ้างตามต้นทุนบวกกำไร (Cost Plus Contract): เจ้าของโครงการจะจ่ายค่าต้นทุนจริงที่เกิดขึ้นบวกกับค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ของต้นทุนหรือเป็นจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้ ซึ่งช่วยให้มีความยืดหยุ่นในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือขยายขอบเขตของโครงการ
- สัญญาจ้างแบบระยะเวลาแน่นอน (Time and Materials Contract): ใช้ในกรณีที่งานไม่สามารถระบุปริมาณหรือต้นทุนได้อย่างแน่นอน โดยคิดค่าจ้างตามเวลาที่ใช้และวัสดุที่ใช้จริง
ฉะนั้นในการทำเซ็นต์สัญญาจ้าง ควรพิจารณาเลือกสัญญาจ้างก่อสร้างที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการดำเนินงาน